จองโรงแรมกับ Traveloka สบายใจกว่า

Translate

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2562

อย่าให้ใครมาทำลายความฝัน

 
 
เรื่อง อย่าให้ใครมาทำลายความฝัน

ในการสอบวิชาภาษาไทยของเด็กนักเรียนชั้นประถมแห่งหนึ่ง คุณครูได้ให้นักเรียนแต่ละคนเขียนความฝันของตัวเองส่งมา เมื่อนักเรียนแต่ละคนมาส่ง คุณครูได้อ่านแล้วให้ผ่าน 

มีนักเรียนคนหนึ่งมาส่งเป็นคนสุดท้าย คุณครูอ่านแล้วพูดว่า 
“เธอเขียนมาได้อย่างไรว่าจะมีที่ดินเป็นหมื่นไร่ มีวัวนม มีม้า มีแพะ มีแกะ อย่างละหมื่นตัว เธอรู้ไหมว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันต้องใช้เงินมากมายมหาศาลเพียงไหน เธออยากสอบตกใช่ไหม ครูให้โอกาสเธอกลับไปบ้านเขียนมาส่งใหม่ในวันพรุ่งนี้” 

เด็กน้อยคนนั้นกลับบ้านไปปรึกษาพ่อของตัว ว่าควรทำเช่นใดดี
พ่อบอกว่า “ลูกเอ๋ยไปคิดดูเองคืนนี้ก็แล้วกัน จะเขียนใหม่หรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า”
วันรุ่งขึ้นเด็กน้อยก็เอาเรียงความอันเดิมไปส่ง 
คุณครูเห็นแล้วก็พูดว่า “ตกลงเธอจะสอบตกใช่ไหม” 
เด็กน้อยพูดว่า “ก็คุณครูให้เขียนความฝันของผม ผมก็เขียนความฝันของผมแล้ว มันเป็นความฝันที่ผมอยากได้จริงๆ คุณครูครับผมไม่แก้ไขหรอกครับ คุณครูจะให้ผมสอบตกก็ตามใจ” 

๓๐ ปีต่อมา มีคุณครูแก่ๆคนหนึ่ง พาลูกศิษย์ชั้นประถมกลุ่มหนึ่ง ไปเยี่ยมชมฟาร์มปศุสัตว์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีที่ดินเป็นหมื่นไร่ มีวัวนม มีม้า มีแพะ มีแกะ อย่างละหมื่นตัว คุณครูแก่ๆคนนั้นยืนต่อหน้าชายหนุ่มอายุ ๔๐ กว่าปีคนหนึ่ง แล้วกล่าวต่อหน้ากลุ่มลูกศิษย์ตัวน้อยๆว่า 
“วันนี้ครูมาแสดงความยินดีกับลูกศิษย์ของครูคนนี้ที่ไม่ยอมให้ใครมาทำลายความฝันของตน ครูต้องขอโทษต่อเธอด้วย ตลอดเวลา ๓๐ ปีที่ผ่านมา ครูได้ทำลายความฝันของเด็กชายและเด็กหญิงนับพันนับหมื่นคน มีเธอคนเดียวที่ไม่ยอมให้ครูทำลายความฝันของเธอ เธอได้มุ่งมั่นทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง จนทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง ครูเสียใจและขอโทษต่อหน้าลูกศิษย์กลุ่มนี้ของครูด้วย” 

คุณครูหรือพ่อแม่ของเด็กน้อยทุกคนที่ได้อ่านบทความนี้ ขอร้องเถอะครับ โปรดอย่าได้ทำลายความฝันของเด็กๆเลยครับ หากความฝันนั้นดีและสวยงาม ช่วยสนับสนุนส่งเสริมให้เด็กได้เดินไปตามความฝันของเขาเถอะครับ 

ด้วยความปรารถนาดีจาก......คุณพ่อที่บอกรักและกอดลูกทุกวัน

เครดิต: Forward Mail

 
 


วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ภาษารัก

 
 
เรื่อง ภาษารัก

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นานซะจนเกือบจะจำไม่ได้ มีเจ้าชายหนุ่มรูปหล่อโดนแม่มดใจร้ายสาปให้พูดไม่ได้  ในแต่ละปีเขามีสิทธิ์พูดได้แค่คำเดียว แต่ถ้าเขาไม่พูดสิทธิ์นี้ก็จะสะสมไว้ใช้ได้ในปีถัดไป 

วันหนึ่งเจ้าชายก็พบกับเจ้าหญิงแสนสวยผมทองปากเต็มอิ่มสะโพกผายกลึง เจ้าชายตกหลุมรักเจ้าหญิงแบบหัวปักหัวปำ อยากได้เธอมาร่วมเรียงเคียงหมอน เจ้าชายตั้งใจว่าจะเอ่ยคำแรกกับเธอผู้เลอโฉมว่า “ที่รัก”

ดังนั้นเขาจึงต้องอดกลั้นไม่พูดจา ๒ ปีเต็ม เพื่อจะได้สิทธิ์พูด ๒ พยางค์อันทรงคุณค่านี้ อดทนมาจนครบ ๒ ปี เจ้าชายก็เปลี่ยนความคิดใหม่ว่า เรื่องอะไรจะพูดเพียงแค่คำว่า “ที่รัก” เขาน่าจะพูดว่า “ที่รัก ผมรักคุณ” มากกว่า ดังนั้นเจ้าชายจึงอดทนไม่พูดจาต่อไปอีก ๓ ปี จึงจะมีสิทธิ์พูด ๕ พยางค์นี้

พอได้ครบ ๕ ปี เจ้าชายผู้มุ่งมั่นก็เปลี่ยนใจใหม่อีกแล้ว เขาควรจะขอเจ้าหญิงแต่งงานเสียเลยจะดีกว่า ดังนั้นเขาต้องสะสมสิทธิ์การพูดต่ออีก ๑๐ ปี เจ้าชายไม่รู้จักภาษาใบ้ เขียนหนังสือไม่ออก อ่านหนังสือไม่ออก การคบหากับเจ้าหญิงจึงได้แค่เพียงมองหน้ากันไปมองหน้ากันมาจนครบ ๑๐ ปี

ในที่สุดก็ถึงเวลาอันสำคัญ เจ้าชายจูงมือเจ้าหญิงเข้าไปในราชอุทยานของพระองค์ ต้นไม้ที่ร่มรื่น ดอกไม้ที่แสนสวย นกร้องเบาๆคลอเคล้าด้วยสายลมอ่อนๆ เจ้าชายเก็บกุหลาบแดงช่อโตมามอบให้เจ้าหญิง คุกเข่าต่อหน้าและจับมือเธอขึ้นจุมพิต แล้วเอื้อนเอ่ยว่า

“ที่รัก ผมรักคุณ แต่งงานกับผมนะ” เจ้าชายเอ่ยปากขอแต่งงานกับเจ้าหญิงที่หลับตาสะเทิ้นอายด้วยเสียงหนุ่มหล่อแบบด็อกเตอร์สลัมพ์

เจ้าหญิงแสนสวยลืมตาจ้องเจ้าชาย สายตาอันหยาดเยิ้มทำให้หัวใจเจ้าชายพองโตแทบบ้า ริมฝีปากอวบอิ่มขยับพูด “อะไรนะ หญิงไม่ได้ยิน”


::บทแทรก::
จำเป็นหรือที่ “คำว่ารัก” จะต้องเอ่ยจากปากเท่านั้น แค่การกระทำที่แสดงออกจากใจจริง ก็เป็นการเอ่ย “คำว่ารัก” ออกมาจากหัวใจแล้ว

เครดิต: Forward Mail

 
 


วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2562

งานเดียวกัน

 
 
เรื่อง งานเดียวกัน

พอลและปีเตอร์ทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกัน อายุเท่ากัน ช่วงเวลาทำงานก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก พวกเขามีความขยันและตั้งใจในการทำงาน แต่ว่าปีเตอร์นั้นทำงานได้ไม่นานนักก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเรื่อยๆ จนได้เป็นถึงผู้จัดการแผนก แต่สำหรับพอลแล้ว ดูเหมือนทุกคนจะลืมไปว่ามีเขาอยู่ด้วย 

จนวันหนึ่งพอลซึ่งหมดความอดทนได้เข้ามาขอลาออก เหตุผลก็คือ เขาได้ทำงานหนัก แต่ไม่เคยประจบประแจงหรือเป็นคนคุยโวโอ้อวด เขาจึงไม่เคยอยู่ในสายตาของผู้อำนวยการเลย เมื่อผู้อำนวยการฟังพอลพูดจบ เขาทราบว่าพอลนั้นทำงานหนักจริง แต่เขาขาดคุณสมบัติไปข้อหนึ่ง ถ้าเขาพูดไปตรงๆอาจทำให้พอลไม่สบายใจ ดังนั้นเขาจึงคิดวิธีหนึ่งได้ แล้วพูดว่า “พอล บางทีฉันอาจจะตาลายนะ เอาอย่างนี้แล้วกัน เธอไปดูที่ตลาดดูว่ามีอะไรมาขายบ้าง”

พอลรีบไปตลาดแล้วก็กลับมารายงานผู้อำนวยการว่า 
“ผมพบว่ามีชายชราคนหนึ่งลากรถมาขายถั่ว” 
ผู้อำนวยการถาม “รถนั้นสามารถบรรทุกถั่วได้หนักกี่กิโล” 
พอลขอกลับไปดูใหม่สักครู่ก็กลับมารายงานว่า 
“รถนั้นบรรทุกถั่วจำนวน ๔๐ กว่าถุง ถุงละประมาณ ๒๐ กิโล”
ผู้อำนวยการจึงถามอีกว่า “กิโลละเท่าไหร่” 
พอลก็จะขอกลับไปดูใหม่ แต่ผู้อำนวยการได้เรียกให้เขาหยุดและให้พักผ่อนสักครู่

จากนั้นเขาก็ให้คนไปเรียกปีเตอร์มาพบแล้วพูดกับเขาว่า
“คุณปีเตอร์คุณรีบไปตลาดนะ ดูว่าวันนี้มีอะไรมาขายบ้าง” 
ไม่นานนักปีเตอร์ก็กลับมาแจ้งว่า 
“ที่ตลาดมีเพียงชาวนาชราคนหนึ่งนำถั่วมาขาย มีอยู่ประมาณ ๔๐ กว่าถุง รวมแล้ว ๘๐๐ กว่ากิโล ราคาก็ปานกลาง คุณภาพก็ดีด้วย”
จากนั้นเขาก็นำตัวอย่างถั่วบางเม็ดให้ผู้อำนวยการดู แล้วพูดต่อว่า
“เย็นนี้เขาจะลากถั่วอีก ๑ คันรถมาขายที่ตลาด ราคาก็ใช้ได้ ผมเตรียมจะเจอกับชาวนาชราคนนี้อีกครั้งในตอนเย็น”

พอลซึ่งยืนอยู่ข้างๆเริ่มหน้าแดง เขาขอร้องให้ผู้อำนวยการคืนใบลาออกให้กับเขา ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความแตกต่างอย่างเหนือชั้นระหว่างปีเตอร์กับเขาแล้ว

คนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ที่จริงแล้วไม่ได้มีเทคนิคอะไรมากล้น แต่เขาจะมีความคิดที่ไกลและก้าวหน้ากว่าคนอื่นเท่านั้นเอง การมีความคิดที่ก้าวไกลกว่าเป็นสิ่งสำคัญ การที่เราก้มหน้าก้มตาทำงานโดยที่เราไม่มองข้างบนหรือข้างๆเลยว่าเขาไปถึงไหนกันแล้ว คิดแต่จะทำ แต่ก้าวไปไม่ถึงไหน ถ้าเราคิดได้มากขึ้นละเอียดขึ้น ไม่ใช่จะทำให้เราเสียเวลา แต่จะยิ่งทำให้เรามีทัศนะวิสัยที่กว้างไกลยิ่งขึ้น สามารถเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว และจะทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายของความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น 

ลองคิดดู ในช่วงเวลาของชีวิตคุณ คุณคิดไปกี่ขั้นแล้ว ???

เครดิต: Forward Mail

 
 


วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2562

คุณค่าของมิตรภาพ (The value of friendship)

 
 
เรื่อง คุณค่าของมิตรภาพ (The value of friendship)

No man/woman is worth your tears and the only one who is, will never make you cry.
ไม่มีชายหรือหญิงคนไหนมีค่าพอที่คุณจะต้องเสียน้ำตาให้ ส่วนคนที่มีค่าพอนั้น เขาย่อมไม่มีวันที่จะทำให้คุณร้องไห้อย่างเด็ดขาด

If you love someone, put their name in a circle, instead of a heart, because hearts can break, but circles go on forever.
ถ้าคุณรักใครสักคน จงใส่ชื่อเขาไว้ในแวดวง แทนที่จะใส่เขาไว้ในใจ เพราะหัวใจสามารถแตกสลายได้ แต่แวดวงจะอยู่สืบต่อไป

Everyone hears what you say. Friends listen to what you say. Best friends listen to what you don't say.
ทุกคนได้ยินสิ่งที่คุณพูด เพื่อนทั่วๆไปจะรับฟังในสิ่งที่คุณพูด เพื่อนแท้จะรับฟังความรู้สึกที่คุณไม่เอ่ยมันออกมา

If all my friends were to jump off a bridge, I wouldn't jump with them, I'd be at the bottom to catch them.
ถ้าเพื่อนทั้งหมดของฉันกระโดดลงมาจากสะพาน ฉันจะไม่โดดตามพวกเขาไป ฉันจะไปรออยู่ที่ก้นเหวเพื่อที่จะรับพวกเขา

Don't frown, because you never know who's falling in love with your smile!
อย่าทำหน้าบูดบึ้ง เพราะว่าคุณไม่รู้หรอกว่ามีใครกำลังตกหลุมรักรอยยิ้มของคุณอยู่

If you judge people, you have no time to love them.
ถ้าคุณมัวแต่จะตัดสินผู้อื่น คุณก็จะไม่มีเวลาพอที่จะรักพวกเขา

Be kind, for everyone you meet is fighting a harder battle.
จงใจดีมีเมตตากับทุกคนที่คนกำลังพบเจอ ผู้ซึ่งกำลังต่อสู้กับปัญหาอันหนักหน่วงในชีวิต

It may take only a minute to like someone, only an hour to have a crush on someone and only a day to love someone but it will take a lifetime to forget someone.
มันอาจจะใช้เวลาเพียงชั่วนาทีเดียวที่จะชอบใครสักคน เพียงชั่วโมงเดียวที่จะหลงใหลใครสักคน และเพียงชั่ววันเดียวที่จะรักใครสักคน แต่มันจะใช้เวลาชั่วชีวิตของคุณที่จะลืมใครบางคน

Enthusiasm is contagious. You might cause an outbreak and affect many.
ความกระตือรือร้นนั้นติดต่อกันได้ คุณอาจเป็นสาเหตุทำให้มันแพร่ระบาดออกไปและส่งผลให้กับผู้คนมากมาย (ได้มีความกระตือรือร้นนั้นไปด้วย)

Yesterday is the history, tomorrow is a mystery. Today is a gift, that is why it is called the present.
เมื่อวานคืออดีต พรุ่งนี้คือปริศนา วันนี้คือของขวัญ นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงเรียกปัจจุบันนี้ว่าของขวัญ (Present แปลว่า ของขวัญ หรือ ปัจจุบัน ก็ได้)

Dance like nobody's watching, and love like it's never gonna hurt.
เต้นรำให้เหมือนกับไม่มีใครดูอยู่ และรักให้เหมือนกับว่ามันจะไม่มีวันเจ็บปวด

Send this to everyone you will never forget, and send it back to the person who sent it to you too, just to show them that you will never forget them too.
ส่งสิ่งนี้ให้กับทุกคนที่คุณคิดว่าจะไม่มีวันลืม และส่งกลับไปยังผู้ที่ส่งมาให้คุณด้วยนะ เพื่อแสดงให้พวกเขารู้ว่าคุณก็จะไม่มีวันลืมพวกเขาเช่นกัน

If you don't send it back, it means that you are not a true friend.
ถ้าคุณไม่ส่งมันกลับไป มันหมายถึงว่าคุณมิได้เป็นเพื่อนแท้ของเขา

So send it to everyone that you never will forget.
ดังนั้นจงส่งมันไปให้กับทุกคนที่คุณจะไม่มีวันลืมเขาเลย


เครดิต: Forward Mail


 
 


วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2562

คุณจะเลือกทางไหน

 
 
เรื่อง คุณจะเลือกทางไหน

มีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นกันใกล้รางรถไฟ ๒ ราง รางหนึ่งอยู่ในระหว่างการใช้งาน ในขณะที่อีกรางหนึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว มีเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่เล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งาน ส่วนเด็กที่เหลือนั่งเล่นอยู่บนรางที่ใช้งานอยู่

เมื่อรถไฟแล่นมา คุณอยู่ใกล้ๆที่สับรางรถไฟ คุณสามารถเปลี่ยนทางรถไฟไปยังรางที่ไม่ได้ใช้งาน เพื่อช่วยชีวิตเด็กส่วนใหญ่ แต่นั่นหมายถึงการเสียสละของเด็กที่เล่นอยู่บนรางที่ไม่ได้ใช้งาน หรือคุณเลือกที่จะปล่อยให้รถไฟวิ่งทางเดิม ลองหยุดคิดสักนิด มีทางเลือกใดที่เราสามารถตัดสินใจเลือกได้

คุณต้องทำการตัดสินใจก่อนที่จะอ่านต่อไป รถไฟไม่สามารถหยุดรอให้คุณไตร่ตรองได้ คนส่วนมากอาจเลือกที่จะเปลี่ยนทางรถไฟ และยอมสละชีวิตของเด็กคนนั้น ผมคิดว่าคุณก็อาจจะคิดเช่นเดียวกัน

แน่นอนตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้ เพราะการช่วยชีวิตเด็กส่วนมาก ด้วยการเสียสละชีวิตเด็กหนึ่งคนนั้นดูสมเหตุสมผลทางศีลธรรมและความรู้สึก แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเด็กที่เลือกเล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ที่จริงเขาได้ตัดสินใจถูกต้องที่จะเล่นในสถานที่ที่ปลอดภัยแล้วต่างหาก แต่ทว่าเขากลับต้องสละชีวิตให้กลับเพื่อนที่ไม่ใส่ใจและเลือกที่จะเล่นในที่อันตราย

สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรอบตัวเราทุกวัน ในสถานที่ทำงาน ย่านชุมชน การเมือง โดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตย คนกลุ่มน้อยมักจะเสียสละให้กับผลประโยชน์ของคนหมู่มาก แม้ว่าคนกลุ่มน้อยจะฉลาดมองการณ์ไกล และคนหมู่มากจะโง่เง่าไม่ใสใจก็ตาม เหมือนเด็กคนที่เลือกที่จะไม่เล่นบนรางที่อยู่ในการใช้งานตามเพื่อนๆของเขา และคงไม่มีใครเสียน้ำตาให้หากเขาต้องสละชีวิตก็ตาม

เพื่อนที่ส่งต่อเรื่องนี้บอกมาว่า เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนเส้นทางรถไฟ เพราะเขาเชื่อว่าเด็กที่เล่นอยู่บนรางที่อยู่ในการใช้งานย่อมรู้ดีว่ารางนั้นยังอยู่ในระหว่างการใช้งาน และพวกเขาควรจะหลบออกมาเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงหวูดรถไฟ ถ้าทางรถไฟถูกเปลี่ยน เด็กหนึ่งคนนั้นต้องตายอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่เคยคิดว่ารถไฟจะเปลี่ยนมาใช้เส้นทางนั้น

นอกจากนั้นรางที่ไม่ได้ถูกใช้งาน อาจเป็นเพราะรางนั้นไม่ปลอดภัย ถ้ารถไฟถูกเปลี่ยนเส้นทางมาที่รางนี้ เราทำให้ชีวิตของผู้โดยสารทั้งหมดตกอยู่ในอันตราย ในขณะที่คุณพยายามช่วยชีวิตเด็กจำนวนหนึ่ง โดยการสละชีวิตเด็กหนึ่งคน อาจกลายเป็นการสังเวยชีวิตผู้คนนับร้อยก็เป็นได้ เรารู้ว่าชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยากลำบาก บางครั้งเราอาจลืมไปว่าการตัดสินใจอันรวดเร็วใช่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป

จำไว้ว่า สิ่งที่ถูกต้องอาจไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่นิยมปฏิบัติ และสิ่งที่นิยมปฏิบัติอาจไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป ทุกๆคนสามารถทำสิ่งที่ผิดพลาดได้ และนั่นคือเหตุผลที่เขาใส่ยางลบไว้ที่ปลายของดินสอ


เครดิต: Forward Mail


 
 


บทความที่ได้รับความนิยมในเดือนนี้