จองโรงแรมกับ Traveloka สบายใจกว่า

Translate

วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2562

นิสัยเสีย ๒๐ ประการ ต้นเหตุรักขาดสะบั้น

 
 
เรื่อง นิสัยเสีย ๒๐ ประการ ต้นเหตุรักขาดสะบั้น 

คงไม่มีใครปฏิเสธได้หรอกนะว่าตัวเองไม่มีนิสัยเสีย หรืออย่างที่เขาว่า “No one is perfect” แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้นิสัยเสียเหล่านั้นใช่ไหมล่ะ โดยเฉพาะกับความรัก บางคนก่อนที่จะคบกับใครเป็นแฟนนั้นก็เข้ากั๊นเขากันได้ดีเหมือนปี่กับขลุ่ย แต่พอลองมาคบเป็นแฟนดูแล้ว ทำไมถึงกลับตาลปัตรไปได้ ลองมาศึกษากันดูสักนิดว่า นิสัยเสียๆ๒๐ข้อ ที่จะทำให้ความรักของคุณขาดสะบั้นมีอะไรบ้าง เผื่อใครที่มีนิสัยเหล่านี้ อ่านแล้วจะได้รีบปรับปรุงตัว ใช้เป็นเคล็ดลับป้องกัน “แฟนหาย” แล้วจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะจะบอกให้


๑.) ชอบทำตัวเป็นนักขุด
อย่าทำตัวเป็นนักขุด อ๋อ ก็ขุดคุ้ยแต่เรื่องเก่าๆของแฟนเก่าคุณยังไงล่ะ เพราะจะทำให้แฟนคนปัจจุบันของคุณเกิดความไม่มั่นใจในตัวคุณ ในเมื่อคุณรักเขาแล้วก็ควรจะมีเขาคนเดียวในหัวใจ อย่าให้ปากของคุณสร้างให้เกิดรอยร้าวในหัวใจฝ่ายตรงข้ามเลยนะจ๊ะ 

๒.) ไม่ชอบรับฟังคนอื่น
ยอมรับฟังความคิดเห็นหรือรับฟังเรื่องราวของเขาบ้าง ไม่ใช่ให้เขาเป็นฝ่ายรับรู้และรับฟังแต่เรื่องของคุณอย่างเดียว อย่างนั้นมันไม่แฟร์ 

๓.) ชอบทำตัวเป็นเงาตามติดแจ
คุณควรแบ่งเวลาให้เขาอยู่กับสังคมและเพื่อนของเขาบ้าง ไม่ใช่มาคอยอยู่กับคุณตลอด ๒๔ ชม. ขนาดคุณเองยังอยากมีเวลาส่วนตัว หรือมีเวลาให้กับเพื่อนคุณเองบ้างเลย (แค่เอาใจเขามาใส่ใจเรา) 

๔.) ชอบออกคำสั่ง
มีแฟนนะจ๊ะ ไม่ใช่มีลูกน้อง เพราะฉะนั้นอย่าออกคำสั่งให้แฟนของคุณทำโน่นสิทำนั่นสิ อันนี้ดีทำนะหรือว่าอย่างนั้นไม่ดีอย่าทำ (ก็ยอมๆเขาบ้างบางครั้งไม่ตายหรอกเนอะ)

๕.) ยิ่งกว่ากรรไกร
อย่าทำตัวเป็นกรรไกรคอยตัดหรือฉีกหน้าแฟนคุณต่อหน้าคนอื่น ไม่ว่าในกรณีใดๆทั้งสิ้น โดยเฉพาะห้ามเอาปมด้อยของเขามาล้อเล่นอย่างสนุกสนานต่อหน้าคนอื่น แม้กระทั่งกับเพื่อนสนิทกันก็ตาม (ไม่มีใครเขาชอบหรอกนะ)

๖.) ชอบซ้ำเติมข้อผิดพลาด
อดีตคืออดูด เอ้ย! อดีตให้มันผ่านแล้วผ่านไปเถอะ ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเอาเรื่องที่เขาผิดพลาดในอดีตขึ้นมาตอกย้ำอีก ก็จะทำให้ยิ่งทะเลาะกันเข้าไปใหญ่ จะทำให้ยิ่งเพิ่มความแตกร้าวมากขึ้น

๗.) พกแฟนไปทุกสถานที่
อย่าคิดว่าเขาจะชอบทุกๆสถานที่ที่คุณพาไป นั่นเป็นความคิดที่ผิด บางงานเขาก็อาจไม่อยากจะไปก็ได้ หรือไม่ถ้าคุณมีเพื่อนไปด้วยแล้ว ละวางเขาบ้างก็ได้ ไม่ต้องทำตัวเป็นปาท่องโก๋ตลอดเวลา

๘.) ขี้หึงสุดๆ
หึ่ง หึ่ง หึ่ง หึ่ง ไม่ใช่เสียงผึ้งหรอกนะคะ แต่เป็นการหึงลมออกหูของคุณต่างหาก แฟนคุณเขาจะมีเพื่อนที่เป็นผู้หญิงเพศเดียวกับคุณบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร ทีคุณยังมีเพื่อนผู้ชายตั้งเยอะ การคบกันก็ต้องมีความไว้ใจซึ่งกันและกัน ความรักถึงจะยืนยาว

๙.) ความคิดตัวเองเป็นใหญ่
ลองหันมาปรึกษาแฟนคุณบ้าง เวลาที่คุณต้องทำข้อตกลงหรือนัดหมายกับเขา ยอมให้เขามีส่วนร่วมรับรู้และแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆบ้าง อย่าลืมนะว่าสมัยนี้มันประชาธิปไตยแล้วจ้ะ การที่คุณตัดสินใจตามความคิดเห็นของตัวเองตลอดเวลา มันเหมือนกับเป็นการบังคับเขาทางอ้อมนะ

๑๐.) จุกจิกจู้จี้
อย่าทำตัวเป็นคนแก่ ไม่เอานะไม่ดี ในช่วงคบกันแรกๆเขาอาจจะทนได้ แต่พอนานวันเข้า อันนี้ไม่รับประกัน เพราะความอดทนอาจจะหมดไป เหลือไว้แต่ความรำคาญใจก็ได้นะเออ

๑๑.) เป็นคนช่างตำหนิ
อย่าคิดว่าความคิดหรือข้อเสนอของเขาเป็นเรื่องไร้สาระไม่น่าฟังไม่เข้าท่า ไม่มีใครทนได้หรอกนะที่จะมีคนมาคอยตำหนิติเตียนอยู่ตลอดเวลา

๑๒.) พูดชมหรือให้กำลังใจใครไม่เป็น
ไม่เค๊ยไม่เคยที่จะเอ่ยปากชมแฟนของคุณเวลาที่เขาทำดีให้คุณ อย่างนี้ต้องหัดแล้วนะ ควรทำบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าเว่อร์จนเขาคิดว่าคุณประชดล่ะ

๑๓.) คำขอโทษไม่เคยหลุดออกจากปาก 
I’m so sorry หัดกล่าวคำขอโทษซะบ้างเวลาที่คุณทำผิด การยอมรับความผิดแต่โดยดี จะทำให้เขารู้สึกว่าคุณมีความรับผิดชอบ และทำให้เขาไว้วางใจ

๑๔.) ช่างดุช่างด่า
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบด่าว่าแฟนคุณเสียๆหายๆต่อหน้าคนอื่น เลิกเถอะค่ะ เพราะนี่เป็นข้อสำคัญที่ทำให้ความรักของคุณเกิดรอยร้าวแบบประสานไม่สนิทนะคะ เพราะการทำแบบนี้ทำให้เขาเสียหน้าและโกรธคุณมาก

๑๕.) ขี้งอน
ส่วนมากเวลาผู้หญิงโกรธมักจะทำหมางเมินไม่พูดไม่จา ที่เคยพูดน้ำไหลไฟดับจนลิงหลับสัปหงก ก็เงียบสนิทแบบนี้ไม่เวิร์ค คุณควรจะบอกว่าโกรธเขาเรื่องอะไร จะได้ปรับความเข้าใจกันได้ง่ายขึ้น และเขาก็จะได้ง้อคุณให้ถูกวิธียังไงล่ะ

๑๖.) ขี้บ่น
บ่น บ่น บ่น บ่น เช้า กลางวัน เย็น ไม่รวมไปถึงเวลาอาหารว่าง คิดดูแล้วกันว่าถ้ามีคนขี้บ่นอยู่ใกล้ๆคุณ คุณจะรำคาญขนาดไหน แล้วอย่างนี้ถ้าคุณขี้บ่น แล้วแฟนคุณจะรู้สึกอย่างไร

๑๗.) ซ่กมกเป็นที่หนึ่ง (ซ่กมก แปลว่า สกปรก)
การเป็นผู้หญิงสำคัญที่สุดคือเรื่องของความสะอาด ไม่มีผู้ชายคนไหนยอมทนคบกับผู้หญิงที่ไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สกปรก วางของระเกะระกะไม่เป็นที่เป็นทาง เพราะผู้ชายส่วนมากมักวาดฝันว่าแฟนของตัวเองอย่างน้อยต้องมีความเป็นกุลสตรีบ้าง สัก ๑๐ หรือ ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ก็ยังดี

๑๘.) โกหกเป็นไฟ
อย่าหัดเป็นคนโกหก เพราะมันจะติดเป็นนิสัย มีอะไรก็พูดตรงๆ แต่ไม่ใช่แบบขวานผ่าซาก หรือมะนาวไม่มีน้ำ

๑๙.) ชอบทำตัวเป็นแม่
ฮั่นแน่~ นี่แฟนนะ ไม่ใช่แม่ เพราะฉะนั้นอย่าริทำตัวเป็นคุณแม่คนที่สอง หรือผู้ปกครองคนที่สองของแฟนคุณเด็ดขาด อย่าไปคอยบงการชีวิตของเขา สั่งสอนเขาเหมือนเขาเป็นลูกคุณ ทำแบบนี้จะเพิ่มความกดดันให้เขาต่อต้านคุณ ไม่ยอมคุณ ถึงแม้บางสิ่งที่คุณพูดอาจจะถูกก็ตาม

๒๐.) เป็นคนไม่หวานเอาซะเลย
คุณลืมความหวานชื่นในอดีตไปซะแล้ว ว้า.....อย่างนี้รักของคุณก็ขาดน้ำตาลหรือความหวานนะสิ คุณน่าจะลองรำลึกถึงอดีตหวานๆกับแฟนบ้าง เพราะมันจะทำให้ความรักของคุณอยู่แบบไม่จืดจาง

เครดิต: Forward Mail

 
 


วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2562

การปล่อยวาง

 
 
เรื่อง การปล่อยวาง 

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า จิตของเรานั้นเหมือนกับลิง 

เราจึงเรียนรู้เรื่องจิตใจของเราได้มากมายจากพฤติกรรมของลิง 
ลิงนั้นเกลียดกะปิ ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อไหร่ มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือ จนกว่ากลิ่นกะปิจะหายไปในที่สุด จนกลายเป็นว่า “กะปิ” ถึงจะร้ายก็ไม่ร้ายเท่า “ความเกลียดกะปิ” ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะ ไม่ใช่เพราะกะปิ หากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก สิ่งที่เราเกลียดนั้น บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความเกลียดชังในจิตใจเรา ความเกลียดชังหรือพูดให้ถูกก็คือ ความรู้สึกอยากผลักไส ซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว จึงเป็นเจ้าตัวร้ายที่เราต้องระวังให้มากๆ

แต่นั้นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความจริงเท่านั้น
นอกจากความผลักไสแล้ว ความยึดติดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังไม่แพ้กัน

กลับมาที่ลิงจอมซนอีกที ในอินเดียลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน เพราะชอบขโมยผลไม้ในสวน ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง โดยใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆพอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้ ในกลองมีถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยื่อล่อ วันดีคืนดีลิงมาที่สวน เห็นถั่วอยู่ในกล่องก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว แต่พอถอนมือออกมาก็ติดฝากล่อง เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้ ลิงพยายามดึงมือเท่าไหร่ก็ไม่ออก พอชาวบ้านมาจับก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้ เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียว สุดท้ายก็ถูกคนจับได้ ลิงหาได้เฉลียวใจไม่ว่า เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้น มันก็เอาตัวรอดได้ แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย จึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก

มีหลายอย่างที่เราอยากได้ใฝ่ฝันจนถึงกับยึดไว้อย่างเหนี่ยวแน่น เวลาประสบปัญหา เพียงแค่คลายสิ่งที่ยึดติดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อย จึงเกิดผลเสียตามมามากมาย ไม่คุ้มกับสิ่งที่ติดยึด จะชอบหรือพึงใจกับอะไรก็ตาม อย่าถึงกับยึดติดจนเหนี่ยวแน่นเกินไป เพราะโอกาสที่หน้ามืดตามัวนั้นมีสูงจนหาทางออกไม่เจอ ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น ถ้าเรารู้จักปล่อยวางบางสิ่งเสียบ้าง มันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ 

บ่อยครั้งการปล่อยวางไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น หากเป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว ความจริงการผลักไสอะไรสักอย่าง ก็เป็นการติดยึดอีกแบบหนึ่งนั่นเอง ทั้งๆที่ลิงพยายามถูกำจัดกลิ่นกะปิไปจากมือ ก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดมหากลิ่นกะปิซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้ทั้งรู้ว่ากลิ่นกะปินั้นเหม็น แต่ก็ดมมือไม่ยอมเลิกง่ายๆ 

ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าเราจะโกรธอะไรหรือเกลียดใคร ก็มักดึงสิ่งนั้นหรือคนนั้นเข้ามาในจิตใจให้ครุ่นคิดเสมอ ไม่ยอมปล่อยไม่ยอมวางเสียที ทั้งๆทียิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ 

ปล่อยวางเสียเถิด แล้วใจเราจะเบาขึ้นเป็นกอง
ความทุกข์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเพราะพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือประสบกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ที่มันบีบคั้นกดทับจิตใจเราไม่หยุดไม่หย่อนเสียที ก็เป็นเพราะเราไปยึดไปแบกมันเข้าไว้ทั้งวันทั้งคืน ในหลายกรณี ความทุกข์ก็ไม่ได้มาจากไหน หากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อย ดังเช่นเจ้าลิงหวงถั่ว

เครดิต: Forward Mail

 
 


วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562

คุณใส่ใจคนรักของคุณแล้วหรือยัง

 
 
เรื่อง คุณใส่ใจคนรักของคุณแล้วหรือยัง  

เคยมีใครถามคุณไหมว่า “ความรักคืออะไร” ผมคิดว่าวันนี้ผมมีคำตอบให้คุณแล้วล่ะ คำที่ใช้แทนคำว่า “ความรัก” ได้ดีที่สุด น่าจะเป็นคำว่า “ใส่ใจ” หากคุณคิดที่จะบอกรัก หรือรู้สึกว่าตัวเองเริ่มที่จะรักใครสักคน ลองถามตัวเองดูว่า คุณใส่ใจเขามากน้อยแค่ไหน “ความใส่ใจ” ไม่ใช่ “ความเอาใจ” หากคนรักของคุณจำได้ขึ้นใจว่า คุณเคยพูดว่าอยากได้อะไร แล้วเขาหาซื้อของชิ้นนั้นให้ ไม่ใช่สักแต่ว่าซื้อซื้อซื้อของเยอะแยะมากมายเพื่อเอาใจ นั่นแหละถึงเรียกว่า “ความใส่ใจ” 


“ความใส่ใจ” ไม่ใช่ “ความหึงหวง” หากคนรักของคุณโทรหาคุณทุกคืน ถามว่ากลับถึงบ้านหรือยัง เพียงเพราะเขาเป็นห่วง ไม่ต้องการให้คุณได้รับอันตรายในยามดึก ไม่ใช่กลัวว่าคุณจะไปกับคนอื่น นั่นแหละเรียกว่า “ใส่ใจ” 

“ความใส่ใจ” ไม่ใช่แค่ “ความมีน้ำใจอย่างเดียว” หากแต่มี “ความถนอมน้ำใจด้วย” หากคนรักของคุณทำอะไรเพื่อคุณสักอย่างด้วยความตั้งใจ แต่คุณกลับไม่ชอบมัน คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ใส่ใจในความรู้สึกของเขาด้วย 

หากคุณทะเลาะกับคนรัก แต่แล้ววันรุ่งขึ้นคนรักของคุณยังโทรมาแสดงความเป็นห่วงในเรื่องต่างๆ เหมือนทุกๆวัน ทั้งๆที่ยังไม่หายโกรธ นั่นแหละเรียกว่า “ความใส่ใจ”
หากคนรักของคุณยอมสละเวลาทำบางสิ่งเอาไว้ทีหลัง เพียงเพื่อช่วยทำในสิ่งที่คุณขอ นั่นแหละเรียกว่า “ความใส่ใจ”

คนเราบางครั้งก็ต้องการมีใครสักคนคอยใส่ใจเราบ้าง หากคุณต้องเดินทางไกล มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาถามว่า “ถึงหรือยัง” “ปลอดภัยดีไหม” “เหนื่อยไหม” หากคุณปฏิบัติภารกิจสำคัญ ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องเรียน มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณจำได้ และโทรมาบอกว่า “โชคดีนะ” “ฉันจะคอยเป็นกำลังใจให้” หากคุณต้องขับรถคนเดียว มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาบอกว่า “ขับรถดีๆนะ” หากคุณป่วยเป็นไข้ไม่สบาย มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาเตือนให้คุณกินยาและพักผ่อนให้มากๆ

“ความใส่ใจ” กับ “ความเกรงใจ” คล้ายกันในหลายๆด้าน คุณอาจคิดว่า ยิ่งคบกันสนิทกันมากเท่าไหร่ ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันให้มากเหมือนคนที่เพิ่งเริ่มรู้จักกัน 
แต่ผมกลับไม่คิดอย่างนั้น ยิ่งสนิทกันมากเท่าไหร่ ต้องยิ่งเกรงใจซึ่งกันและกัน ความเกรงใจเป็นสิ่งดี และเป็นบ่อเกิดของความสัมพันธ์อันยั่งยืน 

คุณเห็นไหมล่ะว่า ไม่ยากเลยที่จะแสดงความใส่ใจต่อใครสักคน เพียงแต่วันนี้คุณใส่ใจคนรักของคุณแล้วหรือยัง

เครดิต: Forward Mail

 
 


วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2562

กว่าจะมาเป็นดาบ

 
 
เรื่อง กว่าจะมาเป็นดาบ 

ผมเคยได้ดูยูบีซีตอนหนึ่งที่คุณ สุเมธ ตันวิเวชกุล เล่าประสบการณ์ดีๆที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงรับสั่งให้กำลังใจ ซึ่งเป็นประโยคที่ดีมาก อยากเล่าต่อๆตั้งนานแล้ว จนเกือบลืมเลยครับ คงได้ประโยชน์กับบางคนที่เจอมรสุมกับงาน จะได้รู้สึกดี ผมจำมาถูกบ้างผิดบ้างเนื้อหาประมาณนี้ครับ 


องคมนตรีท่านบอกว่า ตอนนั้นผมกำลังทำงานอยู่ในสภาพจิตใจที่แย่มาก มันไม่มีกำลังใจจะทำอะไร ท้อแท้กับงานมาก ไม่มีใครเข้าใจ เหมือนทำดีแต่ไม่ได้ดี ในหลวงท่านทรงเสด็จมาพอดี และท่านได้เห็นสีหน้าผมไม่สู้จะดี ท่านได้สอบถามจนได้ความว่า ผมกำลังท้อแท้กับงาน ท่านจึงตั้งคำถามบวกรับสั่งว่า 

ท่านสุเมธ เคยขายเศษเหล็กไหม เศษเหล็กเหล่านั้น เวลาขายคุณค่ามันต่ำมากใช่ไหม คงได้เงินมาไม่กี่บาทใช่ไหม แล้วถ้าเราเอาเศษเหล็กเหล่านั้นมาหลอมรวมกันเป็นแท่ง เวลาหลอมนี่ เหล็กมันคงรู้สึกร้อนมากใช่ไหม พอหลอมเสร็จ เรานำมาทำเป็นดาบ คงต้องนำมาตีให้แบนอีกใช่ไหม เวลาตีก็ต้องคอยเอาไปเผาไฟด้วย ต้องตีไปเผาไปอยู่หลายรอบกว่าจะเป็นรูปเป็นร่างดาบอย่างที่เราต้องการ ต้องผ่านความเจ็บปวดร้อนอยู่นาน แถมเมื่อเสร็จแล้วถ้าจะให้สวยงามดังใจ ก็ต้องนำไปแกะลวดลายอีกใช่ไหม เวลาที่แกะลวดลายก็คงต้องใช้ของแข็งมีคมมาตีให้เป็นลวดลายอีก แต่เมื่อเสร็จเป็นดาบที่งดงาม ก็จะมีคุณค่าที่สูงมาก เทียบกับเศษเหล็กคงจะต่างกันลิบลับ 

จะเห็นว่ากว่าที่เศษเหล็กไม่มีคุณค่ามากนัก จะกลายมาเป็นดาบอันงดงามนั้น ต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย ทั้งความเจ็บปวดต่างๆ กว่าจะประสบความสำเร็จ

เครดิต: Forward Mail

 
 


บทความที่ได้รับความนิยมในเดือนนี้