จองโรงแรมกับ Traveloka สบายใจกว่า

Translate

วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ผู้ชายเลือกผู้หญิงยังไง

 
 
เรื่อง ผู้ชายเลือกผู้หญิงยังไง

ผมเชื่อว่าผู้ชายจำนวนไม่น้อย (ร้อยละ ๙๐) ก็คิดเช่นนี้ ก็คงไม่มี “อะไรถูก อะไรผิด” เสมอไป และทำไมความคิดของผู้ชายถึงต่างจากคุณผู้หญิง แต่อยากให้คุณผู้หญิงเข้าใจ ว่าธรรมชาติของผู้ชายเป็นอย่างไร

สิ่งที่ผู้ชายสนใจในตัวผู้หญิง แบ่งออกเป็น ๓ เรื่องใหญ่ๆคือ
๑. กามารมณ์
๒. ความรัก
๓. ความนับถือ
ทั้ง ๓ ส่วนแยกจากกัน แต่สัมพันธ์กัน
ผู้ชายจะตัดสินใจเลือกผู้หญิงที่มีคุณสมบัติครบทั้งสามส่วนมาเป็นภรรยา (แต่ละอย่างอาจต่างกันไปสำหรับผู้ชายแต่ละคน) ส่วนผู้หญิงที่มีคุณสมบัติไม่ครบ จะเป็นแค่ทางผ่าน

๑. สิ่งแรกที่ผู้ชายสนใจคือ “กามารมณ์”
(รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส) อันนี้เป็นด่านแรกที่ผู้ชายสนใจ ผู้ชายทุกคนนะเริ่มที่จุดนี้ ลองสังเกตดู ก่อนอื่นผู้ชายจะสนใจผู้หญิงที่สวย น่ารัก รูปร่างหน้าตาดี ผิวพรรณดี แต่งตัวดี (เรื่องของรูปทั้งหลายที่ผ่านทางตา) พูดจาไพเราะ เสียงหวานออดอ้อน (เรื่องของเสียงทั้งหลายที่ผ่านทางหู) กลิ่นกายหอมยวนใจ (เรื่องของกลิ่นที่ผ่านทางจมูก) ความสุขจากการกอดจูบ มีเพศสัมพันธ์ (เรื่องของสัมผัสทั้งหลายที่ผ่านทางกาย) ที่ผู้ชายชอบพูดกันเล่นๆว่า “ขาว สวย หมวย เซ็ก” นั่นแหละ (ส่วน ทางกาย๔๐% ทางตา๔๐% ทางหู๑๕% ทางจมูก๕%) สำหรับเรื่องเซ็กนี่ ถึงจะพิสูจน์ไม่ได้ แต่ก็จินตนาการได้ และเป็น “แรงจูงใจ” ที่ทำให้ผู้ชายทั้งหลายตามตื้อตามจีบคุณอยู่ทุกวันนี้ (ตราบใดที่ ๔๐% นี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ แรงจูงใจจะยังคงมีต่อไปไม่ละความพยายาม)

อย่างไรก็ดี แม้กามารมณ์จะเป็น “อันดับแรก” ที่ผู้ชายสนใจ แต่กลับเป็น “อันดับสุดท้าย” ในการตัดสินใจเลือกผู้หญิงที่จะขอแต่งงาน คุณผู้หญิงเคยสังเกตไหม มีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่ไปเที่ยวผู้หญิง แต่ไม่เคยมีสักคนที่คิดจะจีบหรือขอหญิงที่เที่ยวมาเป็นภรรยา (ยกเว้นจีบเพื่อกินฟรี) ทั้งๆที่ผู้หญิงเหล่านี้เจนจัดในการสนองกามารมณ์ของผู้ชาย แถมหากผู้ชายรู้ว่าแฟนของตนผ่านเรื่องพรรณ์นี้มากลับเป็นเรื่องใหญ่ หรือคงจะเห็นบ่อยๆ ที่เป็นแฟนกันแล้ว ผู้หญิงถูกทิ้งหลังจากเสียตัวให้ฝ่ายชาย (อาจทิ้งทันทีหรือรอสักระยะจนเบื่อ)

เพราะฉะนั้นผู้หญิงคนไหนที่คิดว่าตัวเอง “ไม่สวย” ไม่ต้องเสียใจเลยครับ การที่ผู้ชายสักคนจะมาชอบคุณ อาจต้องอาศัยเวลาหน่อย กว่าจะมองเห็นคุณสมบัติในด้านอื่นๆ แต่ถ้าเขารักคุณด้วยเหตุผลอื่นที่เหนือกว่า คุณกลับมีโอกาสสูงที่จะได้เป็น “ภรรยา” ไม่ใช่ “คู่นอน” และไม่ต้องถูกทอดทิ้งในภายหลัง ความเข้าใจผิดประการหนึ่งของผู้หญิงสมัยนี้คือ ความคิดที่จะผูกมัดผู้ชายด้วย “เซ็ก” กลัวเขาจะทิ้งหากไม่ยอม ผมกล้าพูดได้เต็มปากชนิด ๑๐๐% เลยว่า “ถ้าผู้ชายคนไหนบอกว่าจะทิ้งคุณไป เพราะเหตุว่าคุณไม่ยอมมีอะไรกับเขา ผู้ชายคนนั้นกำลังหลอกคุณ และเขาหวังเฉพาะเรือนร่างของคุณโดยไม่ได้รักคุณเลย”

จริงอยู่กามารมณ์เป็นสิ่งที่ผู้ชายต้องการ แต่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถผูกมัดผู้ชายไว้ได้ เขาจะมีคุณคนเดียว หรือมีผู้หญิงอื่นอีกเท่าไหร่ก็ได้ เพราะไม่เกี่ยวกัน (ชอบกินส้ม ไม่ได้หมายความว่า จะไม่กินทุเรียน น้อยหน่า ฯลฯ) กามารมณ์เป็นสิ่งที่จากไปได้เร็วกว่าคุณสมบัติอื่นๆ (มาก่อนก็ไปก่อน) คนที่สวยพอมีอายุมากขึ้น ก็สู้สาวๆไม่ได้แล้ว หรือพอเคยชินเข้าเขาก็เบื่อ

นอกจากนี้ “แรงจูงใจที่จะได้รับการตอบสนองแล้ว จะไม่สามารถใช้จูงใจได้อีก” ดังนั้นถ้าผู้หญิงรู้จักใช้แรงจูงใจทางเซ็ก ที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองของผู้ชายให้เป็นประโยชน์ ดึงให้ผู้ชายผ่านระยะเวลา จนมีพัฒนาการทางด้าน (๒)ความรัก และ (๓)ความนับถือ เรื่อยไปจนถึงการแต่งงาน จึงจะนับว่าเป็นผู้หญิงฉลาด ไม่ต้องเสียคนรักไปในภายหลัง (ถ้าจะเสียก็เสียผู้ชายเลวๆที่ไม่ได้รักเราจริง แต่ไม่ต้องเสียตัวเสียใจ เมื่อวันหนึ่งเจอผู้ชายดีๆที่รักเราจริง และเราต้องเป็นแม่ของลูกเขา)



๒. สิ่งต่อไปที่ผู้ชายต้องการจากผู้หญิงคือ “ความรัก”
ความรักหมายถึงการเข้าอกเข้าใจ ความเป็นห่วงเป็นใยเอื้ออาทร การพูดคุยกันรู้เรื่อง ฯลฯ ที่เป็นเรื่องของจิตใจล้วนๆ แบบเดียวกับที่ผู้หญิงรักผู้ชายนั่นแหละไม่ต่างกัน ความรักจะมีระดับอิทธิผลสูงกว่ากามารมณ์ที่กล่าวถึงในตอนต้น แต่สำหรับผู้ชาย การที่จะพัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นความรักจะช้ากว่าผู้หญิง เพราะมัวไปหลงด้านกามารมณ์ซะมาก (ที่บอกว่ารักก็อิงกับอารมณ์ไม่ใช่รักแบบที่ผู้หญิงคิด) จนเมื่อเวลาผ่านไป ผ่านอุปสรรคความอยากลำบากต่างๆ มีการพิสูจน์ใจกัน มีการมุ่งมั่นสร้างหลักฐานเก็บเงินแต่งงาน สร้างอนาคต พิสูจน์ตัวเองให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงยอมรับ ฯลฯ จึงเกิดเป็นความรัก ผู้หญิงสมัยนี้ชอบเสียท่าผู้ชายก่อนที่ผู้ชายจะเกิดความรักจริงๆ จึงต้องเสียใจที่ถูกทิ้ง

ที่จริงแล้วคนสมัยก่อนเขามีกุศโลบายให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว ให้ผู้ชายอดทนทำงานเก็บเงินมาสู่ขอ ก็เพื่อพัฒนาตรงจุดนี้ เพราะมันต้องใช้เวลา และผ่านความยากลำบากมา จึงจะเกิดความรักแบบนี้ได้ (สำหรับผู้ชายก็ไปหาว่าโบราณบ้าง ไม่ทันสมัยบ้าง ที่จริงคนสมัยนี้ยิ่งเรียนก็ยิ่งโง่ แล้วก็มานั่งเสียใจไม่รู้ว่าชีวิตทำไมมีแต่ปัญหา)

อีกเรื่องที่ไม่ค่อยยุติธรรมคือ ส่วนใหญ่ผู้ชายที่รักผู้หญิงจริงชนิดหมดหัวใจ กลับไม่ค่อยกล้าที่จะบอกหรือแสดงว่ารัก ส่วนผู้ชายที่ปากหวานบอกรัก กลับเป็นผู้ชายประเภทเจ้าชู้ผ่านผู้หญิงมามาก (และจะผ่านต่อไป) สาเหตุก็คือ ผู้ชายที่รักเดียวใจเดียว จะไม่ค่อยสันทัดกับการจีบผู้หญิงและไม่ค่อยมีประสบการณ์ทางด้านนี้ กลัวว่าหากทำอะไรผิดพลาดอาจสูญเสียคนที่ตนรักไป ในขณะที่ผู้ชายเจ้าชู้จะมีประสบการณ์มามากในการจีบผู้หญิง รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไร และถึงจีบไม่สำเร็จก็ไม่กลัวเพราะไม่ได้รักอะไรมากมาย เป็นประเภทที่ว่า บอกว่ารักเดียวใจเดียว (แต่ว่าเสียวได้หลายคน) เชื่อไหมครับ ผู้หญิงส่วนใหญ่กลับมองไม่ออก ว่าผู้ชายคนไหนที่รักจริง (รำคาญด้วยซ้ำ) ชอบแต่จะฟัง “คำพูดที่นุ่มนวล ชวนฝัน” แค่บอกว่ารักก็เชื่อสนิท..... เสร็จเสือผู้หญิง



๓. สิ่งต่อไปคือ “ความนับถือ” หรือ “ความดี”
ผู้ชายต้องการให้ผู้หญิงวางตัวในลักษณะที่เป็นที่น่านับถือเกรงใจ หรือพูดง่ายๆคือ “เป็นคนดี วางตัวเหมาะสม” ผู้ชายส่วนใหญ่จะชอบผู้หญิงที่อ่อนหวานเรียบร้อย รักนวลสงวนตัว ให้เกียรติและมีความซื่อสัตย์ต่อสามี และมีวุฒิภาวะทางอารมณ์สูง (ไม่จู้จี้ขี้บ่น ไม่หึงหวงแบบไร้เหตุผล ไม่ทำตัวหวาดระแวงเป็นนักสืบ ฯลฯ) แต่จะมีสักกี่คนที่วางตัวเหนือกว่าทางด้านวุฒิภาวะ ลองผู้หญิงนิ่งๆรู้ทันแต่ไม่เอะอะโวยวายดูสิ ขี้คร้านผู้ชายจะเกรงใจไม่กล้าทำอีก เรื่องความดีหรือความนับถือนี่เป็นสิ่งสำคัญ “มากที่สุด” ที่ผู้ชายอยากได้หญิงบริสุทธิ์มาเป็นภรรยา ก็เพราะมีส่วนสัมพันธ์กับความดี ไม่ใช่เห็นแก่ตัวอย่างที่ผู้หญิงคิดกัน (แต่ทางกามารมณ์ก็มีอยากได้ของใหม่ๆ สะอาด กระชับ ได้อารมณ์ และเป็นของเราคนเดียว ไม่ใช้รวมกับใคร) อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่า ไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายหรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม (ก็ขนาดพ่อแม่รักจะตาย ยังขาดความยับยั้งชั่งใจ แอบหนีไปมีอะไรกับใครได้ จะมั่นใจได้ยังไง ว่าต่อไปจะไม่แอบไปมีชู้)

ผู้ชายที่หลอกฟันหญิงบริสุทธิ์แล้วทิ้ง ก็เพราะเขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดีที่น่านับถืออีกต่อไป (ผู้หญิงดีๆที่เป็นหม้ายเพราะสามีตาย ยังน่าขอแต่งงานด้วยมากกว่าผู้หญิงโสดที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม) อย่างไรก็ตามผู้หญิงคนไหนที่ชีวิตผิดพลาดไปแล้ว ขอให้หยุดแค่นั้นอย่าให้เกิดขึ้นอีก (ถ้าคุณเป็นคนดีจริงๆ เขาจะให้อภัยคุณ แม้จะเสียใจลึกๆ) คุณลองดูคู่แต่งงานที่อยู่กินกันมานาน ดูคุณพ่อคุณแม่ก็ได้ ทุกวันนี้เขายังหวานแหววแบบหนุ่มสาวไหม เมื่อเวลาผ่านไป ความสำคัญทางกามารมณ์ลดลง ก็จะมี “ความรัก” และ “ความนับถือ” หรือ “ความดี” นี่แหละที่จะทำให้อยู่กันไปได้ตลอด


ที่เขียนมาทั้งหมด ก็หวังว่าจะให้เป็นวิทยาทานแก่คุณผู้หญิงทั้งหลายนะครับ (คุณผู้หญิงคงจะอ่านไปด่าไป ที่ผู้ชายมีความคิดสกปรกเห็นแก่ตัวแบบนี้) สำหรับตัวผมเองเป็นผู้ชาย อยู่ในสังคมของผู้ชาย ย่อมเข้าใจนิสัยของผู้ชายดี ก็อยากให้ผู้หญิง (ที่พอจะรับฟังในสิ่งที่ผมพูด) มีความสุขสมหวัง ไม่ต้องเสียอกเสียใจและพบกับปัญหาชีวิตคู่ (แบบว่าเห็นมามาก)

ยังไงก็ตาม อ่านแล้วก็อย่านึกด่าผมนะครับ


เครดิต: Forward Mail


 
 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยมในเดือนนี้